#กินเจ กินเพื่อสุขภาพ, กินด้วยจิตเมตตา และกินเพื่อเว้นกรรม
12:54
"กินเจ" คำที่ึบุคคลที่เชื่อเรื่องของบาปบุญจะรู้จักกันเป็นอย่างดี .. การกินเจคือการไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาบนโลกนี้ คืออดีตเหล่าพี่น้องด้วยกันทั้งสิ้น
"บาปอยู่ที่คนทำ เวรกรรมอยู่ที่คนกิน"
ความหมายของ เจ
คำว่า เจ ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายานมีความหมายเดียวกับคำว่า อุโบสถ ดังนั้นการกินเจก็คือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน เหมือนกับที่ชาวพุทธในประเทศไทยที่ถืออุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 โดยไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธนิกายมหายานที่ไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยมนำการไม่กินเนื้อสัตว์ไปรวมกันเข้ากับคำว่ากินเจ กลายเป็นการถือศีลกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่ากินเจ ฉะนั้นความหมายก็คือคนกินเจมิใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ
ในภาษาจีนมีคำหรือวลีที่ใช้อักษรแจ (เจ, 齋/斋) เป็นตัวประกอบร่วมด้วยหลายคำ แต่คำว่าโป๊ยกวนแจไก่ (八關齋戒) แปลว่า ศีลบริสุทธิ์แปดประการ อันหมายถึง อุโบสถศีล ซึ่งเป็นศัพท์ของทางพุทธศาสนา การแปลและเข้าใจคลาดเคลื่อนดังกล่าวยังถูกใช้เป็นบรรทัดฐานในการอธิบายวัตรปฏิบัติของการกินเจผิดตามไปด้วยว่า “การกินเจต้องถือศีลข้อวิกาลโภชน์” หรือการงดกินของขบเคี้ยวหลังเที่ยงวันไปแล้ว ซึ่งเป็นศีลข้อหนึ่งในศีลแปด ทั้งๆที่โรงครัวของศาลเจ้าหรือโรงเจที่เปิดเลี้ยงผู้คนในช่วงเทศกาลกินเจล้วนแต่มีอาหารมื้อเย็นให้กับผู้เข้าไปกิน ยิ่งวันที่มีการประกอบพิธีกรรมในตอนค่ำยังมีอาหารมื้อค่ำบริการเสริมให้เป็นพิเศษด้วย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในช่วงเทศกาลกินเจนั้นเขาถือเพียงศีลห้าที่เป็นนิจศีล ไม่ได้ครองศีลแปดอย่างที่หลายคนเข้าใจ (เว้นแต่ผู้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะครองศีลแปดเป็นการส่วนตัวเท่านั้น)
จุดประสงค์ของการกินเจ
ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1. กินเพื่อสุขภาพ อายุยืน อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
2.กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงามย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้นซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจและที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา
3.กินเพื่อหยุดก่อนหนี้เวรหนี้กรรม พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า "กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง" เป็นหนี้ต้องชดใช้ ฆ่าเขาก็ต้องถูกเขาฆ่า ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างวานฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้าทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเราสั้นลงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้จึงหยุดกินหยุดฆ่าหันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น
หลักในการปรุง และรับประทานอาหารเจที่ถูกต้อง
1.ไม่ใส่เนื้อสัตว์ทุกชนิด ใช้โปรตีนเกษตรหรือถั่วทั้งหลายแทนโปรตีน
2.ไม่ใส่น้ำใดใดที่สกัดจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำปลา ซอสหอยนางรม น้ำมันตับปลา
3.ถั่วทั้ง 5 สี ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
ถั่วทั้ง 5 สีที่ให้คุณประโยชน์ต่ออวัยวะหลักภายใน
1. ถั่วแดง (RED BEANS) ให้คุณต่อหัวใจ
2. ถั่วดำ (BLACK BEANS) ให้คุณต่อไต
3. ถั่วเหลือง (SOY BEANS) ให้คุณต่อม้าม
4. ถั่วเขียว (GREEN BEANS) ให้คุณต่อตับ
5. ถั่วขาว (WHITE BEANS) ให้คุณต่อปอด
ธาตุทั้ง 5 สี ถั่วแต่ละสี บำรุงอวัยวะ ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุไม้ ธาตุโลหะ แดง ดำ เหลือง เขียว ขาว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วขาว หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด
4.งดเว้นการปรุงการเสพพืชผักฉุน 5 ประเภทอันได้แก่
1 กระเทียม ทำลาย หัวใจ
(GARLIC) หมายรวมไปถึง หัวกระเทียม ต้นกระเทียม
2 หัวหอม ทำลาย ไต
(ONION) หมายรวมไปถึง ต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่
3 หลักเกียว คือกระเทียมโทนจีน ทำลาย ม้าม
ลักษณะคล้ายหัวกระเทียม แต่มีขนาดเล็กและยาว กว่า ในประเทศไทยไม่พบว่าปลูกแพร่หลาย
4 กุ้ยฉ่าย ทำลาย ตับ
(CHINESE CHIVE) ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า
5 ใบยาสูบ ทำลาย ปอด
(TOBACCO) บุหรี่ ยาเส้น ของเสพติดมึนเมา
ผักดังกล่าวเหล่านี้ เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีพิษที่ทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิฝึกจิต ไม่ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์กระตุ้นจิตใจอารมณ์ให้เร่าร้อนใจคอหงุดหงิดง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในกายรวมตัวกันได้ยาก
ปัญหาที่มีผู้ถามกันมาก คือ กระเทียม ซึ่งทางการแพทย์และเภสัชค้นพบว่า มีสารที่สามารถละลายไขมันในเส้นโลหิต (คลอเลสเตอรอล) จึงใช้รับประทานเป็นยาได้ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นเลือดโลหิตเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตัน เป็นต้น ในเรื่องนี้เป็นความจริงทีเดียว แม้ทางการแพทย์แผนโบราณของจีนก็ยืนยันตรงกันว่ากระเทียมเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้ "แม้ว่ากระเทียมจะเป็นยาดี แต่เนื่องจากมีความระคายเคืองสูง ผู้ที่เป็นโรคกะเพาะหรือกะเพาะอาหารเป็นแผลและโรคตับอย่ากินมาก" (จากหนังสือ อาหารเป็นยาได้ เล่ม 2 โดย วีรชัย มาศฉมาดล) แต่ในกรณีของคนปกติทั่วๆ ไปที่ร่างกายไม่ได้ป่วยเป็นโรคใดๆ เลย ทำไมจึงต้องรับประทานยาเข้าไปทุกๆ วัน ฉะนั้นจึงเข้าทำนองเดียววักนับ คนที่ไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัด แต่ก็ยังคงกินยาแก้หวัดเข้าไปเป็นประจำทุกๆ วัน ผลก็คือ แทนที่จะเป็นผลดีกลับกลายเป็นผลร้าย ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายเสียอีก
ขอยกตัวอย่างในกรณีของผักฉุนอีกชนิดหนึ่งที่คนกินเจไม่รับประทานได้แก่ หอมแดง ซึ่งกล่าวไว้ในตำราสมุนไพรที่นักเภสัชศาสตร์ปัจจุบัน พบว่ามีสรรพคุณช่วยรักษาโรคโดยวิธี "นำหอมแดงหัวสดๆ หนัก 15-30 กรัม มาต้นแล้วดื่ม จะช่วยขับพยาธิ ขับลม แก้ท้องอืดแน่น ปวดประจำเดือน และอาการบวมน้ำ" แต่ในท้ายก็ได้ระบุพิษร้ายของมันไว้ด้วยว่า "ในกรณีที่บริโภคอยู่เป็นประจำหรือกินมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการหลงลืมง่าย ประสาทเสีย มีกลิ่นตัว ฟันเสีย เลือดน้อย และนัยน์ตาฝ้ามัว" (จากหนังสือ พืชสมุนไพรใช้เป็นยา เล่ม 8 โดย ภูมิพิชญ์ สุชาวรรณ)
เพราะฉะนั้น เราจึงควรศึกษาให้ถี่ถ้วนลึกซึ้งถึงคุณและโทษของผักฉุนทั้ง 5 ให้รอบคอบเสียก่อน ไม่เป็นการฉลาดเลยที่จะรับประทานสิ่งใดก็ตาม โดยมองเห็นแต่ด้านดี จนไม่ใส่ใจในโทษของมันบ้างเลย
"อาหารมังสวิรัติ" แตกต่างจาก "อาหารเจ" อย่างไร?
อาหารมังสวิรัติ
มังสะ - เลือดเนื้อ
วิรัติ - งดเว้น
อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภท แต่ยังคงใช้ผักทุกประเภทมาปรุงอาหารรับประทาน นั่นก็หมายถึงการเอาผักฉุน 5 ประเภทมาปรุงอาหารด้วย ผักฉุน 5 ประเภทจะให้โทษแก่ร่างกาบเราตามที่กล่าวข้างต้น
ในส่วนของ "อาหารเจ" เป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภทเช่นกัน แต่อาหารเจจะไม่ใช้ผักฉุนทั้ง 5 ประเภท มาปรุงลงในอาหารโดยเด็ดขาด เพราะฉะนั้นผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติอยู่แล้ว หากจะทดลองปรุงและรับประทานอาหารเจดูบ้าง ก็เพียงแต่ไม่บริโภคผักฉุนทั้ง 5 ประเภทก็เรียกว่าเป็น "อาหารเจ" และ "กินเจ" ได้แล้วนั่นเอง "ไม่เบียดเบียนท่าน ไม่เบียดเบียนเรา"
สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟ
เนื่องจากอาจมีส่วนผสมของนมและเนยในผลิตภัณฑ์ 3 in 1 ดังนั้น จึงขอแนะนำให้ดื่มกาแฟได้เพียงบางเมนูเท่านั้น เช่น อเมริกาโน่ (กาแฟดำทั้งร้อนและเย็น), Soy Latte (กาแฟใส่น้ำนมถั่วเหลืองเจ) หรือทางที่ดีก็ชงกาแฟดื่มเอง โดยเลือกครีมเทียมที่ทำจากถั่วเหลือง ซึ่งมีขายตามท้องตลาด หรือซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ๆ แทนก็ได้
เพิ่มเติมอีกนิดสำหรับใครที่อยากดื่ม กาแฟเจ แบบใส่นม ก็ให้ใช้น้ำนมถั่วเหลืองเจ แทนได้นะจ๊ะ ที่ต้องบอกว่าน้ำนมถั่วเหลืองเจโดยเฉพาะ เนื่องจากน้ำนมถั่วเหลืองทั่วไปมักจะมีนมผงผสมอยู่ด้วยนั่นเอง
ไข่ไก่ทานได้มั๊ย?
คุณเอก :
" ( บางคนบอกว่า กินหอยนางรมหรือน้ำมันหอยได้ แต่จากการค้นคว้าได้ความจริงว่า หอยนางรมกินไม่ได้ น้ำมันหอยก็กินไม่ได้ นอกจากน้ำมันหอยเจ ส่วนเรื่องเล่าที่นักเขียนบางคนเอามาเล่าก็ไม่ตรงกับต้นเรื่อง เพราะเรื่องจริงมีอยู่ว่า สาวกของพระโพธิสัตว์กวนอิม เดินทางรอนแรมไปในทะเล แล้วเกิดลมพายุพัดเรืออกนอกทาง น้ำและอาหารหมด จนคนในเรือ ซึ่งรวมปรมาจารย์ด้วยก็หิวโหยจนจะตาย จะจับปลากินก็กินไม่ได้ เพราะตนและพวกปราวณาจะกินเจตลอดชีวิต และคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นการทดสอบของพระโพธิสัตว์ จึงกล่าวอ้อนวอนท่านพระโพธิสัตว์
พระโพธิสัตวฺกวนอิม (กวงซีอิมผู่สัก) ก็ปรากฏกายขึ้น แล้วบอกว่า ให้เอาไม้เท้าจุ่มลงไปในน้ำ มีอะไรติดขึ้นมาก็กินได้ ปรมาจารย์ก็เอาไม้เท่าจุ่มลงไป มีของสองสิ่งติดขึ้นมา คือ สาหร่ายกับหอยนางรม ด้วยความตั้งใจและบารมีต่างกัน การทดสอบของพระโพธิสัตว์กวนอิมจึงแบ่งแยกคนออกเป็นสองฝ่ายคือ
พวกหนึ่งเคร่งครัดและเข้าถึงธรรม ก็กินแต่สาหร่าย แต่คนอีกพวกหนึ่งไม่ถึงธรรม เห็นแก่กิน เอาความโง่เขลามาเข้าข้างตนเอง เลยกินหอยนางรม พวกหลังจึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในธรรมได้ในเวลาต่อมา เพราะจิตใจไม่เข้มแข็งและผิดเพี้ยน ไม่อดทนต่อความลำบาก และไม่เห็นว่าสัตว์เป็นเพื่อนร่วมโลก ทำผิดศีลข้อหนึ่ง )
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนเคร่งครัดไม่เหมือนกัน บางคนกินเจแต่กินน้ำผึ้งได้ บางคนกินหอยนางรมได้โดยอ้างว่าเป็นพืชชนิดเดียวกันกับผักบุ้ง ใช้แสงสังเคราะห์อาหาร
คนกินเจในโลกนี้มี 6 ประเภท
ประเภทแรก : กินตามความเป็นจริงตามธรรมชาติของสิ่งที่กิน เคร่งครัด กินแต่ผักอย่างเดียว
ประเภทที่สอง : กินแต่ผักก็จริง แต่ของที่กินยังต้องทำให้มีรูปร่างคล้ายสัตว์ เช่น ไก่เจ ก็เอามาปั้นให้
เหมือนไก่ , ไข่เจ ก็ปั้นให้เหมือนไข่
ประเภทที่สาม : สิ่งที่กิน นอกจากรูปร่างจะคล้ายสัตว์แล้วยังทำให้รสชาดยังคล้ายสัตว์ด้วย
ประเภทที่สี่ : นอกจากจะมีคุณสมบัติของ 2 กับ 3 แล้ว ประเภทนี้ยังอนุญาตให้ตัวเอง ดื่มนมวัว ได้
ประเภทที่ห้า : นอกจากนมวัวแล้ว ยังอนุญาตให้ตัวเองกินไข่ได้
ประเภทที่หก : นอกจากนมวัวและไข่แล้ว ยังอนุญาตให้ตัวเองกินเนื้อสัตว์ได้เป็นบางโอกาส "
ทุกวันนี้อาหารเจสามารถทานได้ง่ายขึ้น สำหรับไข่ไก่นั้น ตามฟาร์มทั่วไปมักจะเลี้ยงแบบมีแค่ไก่ตัวเมียเท่านั้น .. กล่าวคือไข่ไก่ที่ขายตามท้องตลาดนั้นไม่ได้มีการปฏิสนธิ(ไม่สามารถเกิดเป็นตัวได้)
ผู้อาวุโสบางทานอนุโลม เฉพาะเวลาจำเป็นไม่สะดวก อย่างเช่นการเดินทาง หรือเด็กที่ทานเจ ซึ่งไข่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต ทั้งทางสมองและร่างกาย.
ตัวผู้เขียนบล็อคเองกำลังเริ่มทานเจได้ไม่นานและกำลังศึกษาอยุ่ หากบอกว่าทานเจเลยก็คงไม่ใช่ เพราะยังคงดื่มนมและกินไข่ต้มอยู่ เพียงแต่ละเว้นจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่ึุคนกินเจควรยึดถือ เริ่มแรกอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อเราศึกษาให้ดีและตั้งใจจริงที่จะลงมือปฏิบัติแล้วก็จะพบว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย
ขอเอาใจช่วยผู้ที่คิดดี ปฏิบัติดี ทุกท่านค่ะ :)
17/05/56 - 14:05
credit:
คำสอนของเจี่ยงซือทุกท่านที่สถานธรรมไท่เซิง
บทเพลงพระโอวาท คู่มือชั้นฟิ้นฟูจิตเดิมแท้
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=0fb41e9b33402a11
http://www.horapa.com/content.php?Category=Tips&No=663
บทความใน ไข่ไก่กินได้มั๊ย?
http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20110925125547AApacTd
0 ความคิดเห็น